วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

...พี่ค๊ะๆ กล้องมีกี่แบบ? 2



โอยยย หายไปนานเลยคร้าบบบบ(หลายๆคนคงคิดว่าเจ้าของบล๊อคไปหาข้อมูลมาแน่ๆ แต่เปล่าครับ พอดีติดเกมส์ 55) ยังไงก็กลับมาแล้ว งั้นเรามาต่อกันในเรื่องของประเภทของกล้องกันดีกว่าครับ

(อันนี้เพิ่มเติมน๊ะครับ เนื้อหาส่วนนี้เราแค่รับรู้เป็นพื้นฐานก็พอ เอาไว้ต่อยอดเิกิดสนใจจริงๆจังขึ้นมา อย่าเอาไปเป็นอ้างอิงเน้ว จะหาว่าไม่เตือน เพราะผมไม่ได้เขียนบล็อคนี้เพื่องานวิจัย แต่อยากให้แค่มาอ่านเอาไว้เพิ่มเติม ถ้าบอกหมดก็เหมือนน้ำเต็มแก้ว จะเติมอะไรอีกก็ไม่ได้ รู้นิดๆดีกว่า ขี้เกียจฟังพวกรู้มากฝอย กรูก้าย)

จากคราวที่แล้ว เราได้รู้ไปล่ะ 1 ประเภท...เอ่อประเภทเดียวนี่ข้ามปีเลยน่ะ -*-
กว่าจะจบ ก็ได้ปริญญาตรีกันพอดี

เอ้าทบทวนๆ อันที่ 1 ก็ Viewfinder Camera.

วันนี้ก็ประเภทที่ 2 ก็คือ View Camera. เอ๊ะมันต่างยังไง....อ้อ มันไม่มี finder นั่นเอ๊งงงงง -*-
ตอบแบบนี้กวนเน๊าะ แต่มันก็ใช่อ่ะ เอ้า! ไม่มีที่ส่องแล้วจะมองภาพยังไง...
ก็คือการมองภาพเราก็มองผ่านฟิล์มไปเลยไงง่ายดี อ่ะเริ่มงงๆ ก็แน่ละสิ
กล้องแบบนี้เคยเห็นกันบ่อยซะที่ไหนล่ะ
อ่ะๆไม่ต้องกลัว ในโลกไซเบอร์ขอแค่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไรถามกู เด๋วกูหาให้..
(เอ่อ กูเกิ้ล น่ะ)..





View Camera.

อันนี้แหละพี่ท่านเอ๋ยยย "ป้องมหากาฬ" (เห่อๆตั้งชื่อเอาเอง)...แล้วมันมหากาฬยังไงอ่ะเพ่?
โอ้วตอบได้ง่ายมากครับ
มัน...แพง
มัน...ใช้ยาก
มัน...หาฟิล์มลำบาก
มัน...เรื่องมาก
มัน...มัน...มันเป็นพ่อของเด็กในท้อง! T^T ....
เอ่ออันหลังนี้ชักจะนอกเรื่องน่ะ เอาเป็นว่าแค่มีเงินอย่างเดวไม่พออ่ะครับ
สำหรับกล้องตัวนี้เพื่อความต้องการของเรา..เงินอย่างเดวไม่พอจริงๆ...
ต้องบ้าด้วย 55 (แล้วมีตัวอย่างแค่แบบเดียวเหรอ?)
โอ๊ะๆ ถามครายๆ ระดับนี้แระ เอารูปแบบกล้องตัวอย่างไปดูได้เลย



นี่!



นี่อีก!


นี่ด้วย!

เอ่อออ -*-" แล้วทำไมมันเหมือนกันหมดล่ะฟร๊ะ?
เอ่อออ คงเพราะหลักการทำงานมันละม้างงง แฮ่ๆ
(ตอบแบบขอไปทีมากกก) อ่ะๆงั้นความรู้หน่อยละกัน
อันที่จริงอ่ะกล้องนี้เป็นกล้องยุคต้นๆเลยล่ะเรียกได้ว่า
พี่ท่านพัฒนามายังไง ก็หยุดพัฒนามาซะงั้น
เพราะหลักการทำงานของกล้องตัวนี้ก็เหมือนๆกับบรรพบุรุษของกล้องในช่วงแรกๆ (หวังว่าคงจำกันได้)
คือตัวกล้องเป็นแค่กระบอกห้องมืด ตัวเลนส์ก็แค่รวมแสง
เพื่อมาตกที่ด้านหลังของกล้องก็คือตัวฟิล์มนั่นเอง...งงอีกๆ ดูรูปๆ เข้าใจง่ายดี -*-



เหมือนกล้องยุคแรกไหม?



พอเห็นแบบนี้แล้วหลายๆคนก็ถามต่ออีกว่า เฮ้ยพี่ ถ้าแบบนี้ภาพมันก็เป็นหัวกลับสิ? ใช่ม๊ะๆ ดูยากแน่ๆอ่ะ
อันที่จริงจะลงลึกไปถึงรายละเอียดขนาดนั้นก็ดูถูกคนอ่านเกินไป.ถูกแล้วครับภาพหัวกลับครับ.งั้นก็ใช้งานยากสิพี่?..แล้วไปปรับโฟกัสอีกลำบากเน๊าะพี่?... (-*- เมิงไปหาอ่านเอาเองไม๊)<ในวงเล็บเป็นข้อความในใจครับข้ามได้..ไม่ต้องอ่าน...กลับมาๆ> แต่เค้าทำมาขายก็หมายความว่ามันก็ต้องมีดีสิเน๊าะ เออๆ น่าสนใจๆ
ข้อดีของเจ้ากล้องนี้ก็คือ คุณภาพของภาพที่มากมายซ้าาาา ก็เพราะพี่ท่านใช้ฟิล์มที่มีขนาดใหญ่มากนั่นเอง(และแพงด้วย) ซึ่งมีหลายขนาดแล้วแต่งาน(แล้วแต่กระดาษและเครื่องอัดด้วย+เงินอีกนิดหน่อย -*-")
แล้วข้อเสียล่ะ...จะให้บอกอีกไหมอ่า ...เห่อๆ เอาเป็นว่าการจะใช้กล้องแบบนี้ เราจะใช้ฟิล์มที่ละแผ่น ขาตั้งกล้อง ขาจับกล้อง(ตัวที่จับตัวเลนส์ กับ จับฟิล์มนั่นแหละ) สายลั่น ...เอาแค่ตอนถ่ายน๊ะ ยังไม่รวมเลนส์ ขนาดต่างอีก อ่ะมาเข้าห้องมืดกันบ้าง กระดาษอัด เอาแบบเล็กๆก็ 4x5 นิ้ว รูปเกือบจะจัมโป้แล้วน่ะ
เครื่องอัดขยาย (ถ้าภาพใหญ่ๆคงสนุก) ถาดล้าง น้ำยา ฯ พอๆ อย่างว่ามีเงินไม่พอ ต้อง...ชอบมากๆด้วย -3-

ถ้าอยากรู้เรื่องแบบเกือบละเอียดๆ แบบภาษาไทย! ลองอ่านจากเวปท่านพี่ท่านนี้ดูครับ จะรู้ว่ากล้องนี้ มันมหากาฬยังไง -*-

http://www.bwthai.org/blog/index.php?option=com_smf&Itemid=52&topic=2755.0

เพิ่มเติมรูปภาพอีกซักหน่อย อันนี้เป็นมุมมองด้านหลังของกล้องประเภทนี้น๊ะครับ




สวยยย




แพงงงงง



อันนี้เป็นหลักการทำงานน่ะครับ(ไม่เคยมีแต่อยากผ่ากล้องดู 55)

สุดท้ายเป็นภาพตัวอย่างน๊ะครับของเวปคนขายเค้า เอาไปหาดูเอง

http://badgertronics.com/writings/resume-full.html

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

...แล้วกล้องมีกี่แบบค๊ะ?

"พี่หนูอยากถ่ายรูปอ่ะ ซื้อกล้องอะไรดี?"

"เอ่อ...แล้วน้องจะเอาไปถ่ายอะไรล่ะ?

"นั่นสิค่ะ?ถ่ายอะไรก็ได้เอาแบบสวยๆอ่ะ"

ฮานิบ่ะ..(คิดในใจแต่เผลอพูดออกมาด้วย)


ผมมักจะเจอคำถามแบบขอไปทีแบบนี้มากเลยล่ะครับหรือไม่ก็ชอบถามว่ายี่ห้อไหนดี? มันดียังไง?
ทำไมพี่คนนั้นใช้รุ่นนั้นแล้วพี่ใช้รุ่นนี้? อันนี้มันดีกว่าเหรอ? ถ้าไม่ดีกว่าแล้วพี่ซื้อมาทำไม? พี่!ทำไมพี่ไม่ตอบ
แล้วพี่ถือไม้มาทำไม? ....แม่ว!

วันนี้เลยคิดว่าจะมาไขความกระจ่างเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูปแบบต่างๆที่น้องๆหรือใครๆสงสัยล่ะกันน๊ะว่า.
มันมีกี่แบบ อะไรบ้าง SLR DSLR Compact Medium Format Toy LoMo ว่ามันคืออะไร
(ก่อนเขียนตอนนี้ก็โง่มาเหมือนกัน รำคาญตัวเองเลยหาความรู้อ่านซะเลย แล้วเอามาเล่าให้ฟัง)
จริงๆแล้วเนี๊ยกล้องทั้งโลกนี้น่ะเค้าแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆเองครับ อ่ะๆเริ่มงงๆ จริงจริ๊ง ไม่ได้โม้!
แล้วมันมีหลักเกณท์อะไรในการแบ่งล่ะ? เอาล่ะครับเรามาดูประเภทกันก่อนดีกว่า



The Four Major Types of Cameras. (โอ้วหรูซะ)


ประเภทที่หนึ่งก็คือ พวกตระกูล Viewfinder ครับ ซึ่งประเภทนี้คิดว่าอันที่จริงเราก็เคยเห็นและผ่านตา กันมาบ้างแล้วเชื่อไหม? อ๊ะๆยังงงๆ ก็กล้องพวกนี้ไงครับ

คุ้นๆไหมครับ




เริ่มคุ้นยังๆหลายๆคนไม่คุ้นเพราะเงินไม่เคยถึง55





อันนี้คงเคยเห็น




อันนี้หลายคนคงมี55


ครับจริงๆแล้วมันก็คือกล้องที่เราเคยใช้กันในสมัยก่อนๆนั่นเองครับเป็นกล้องที่ Viewfinder หรือ ช่องมองภาพจะอยู่เยื้องออกมาหรืออยู่สูงขึ้นไปจากตัวเลนส์ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องในการมองเห็นกับตัวเลนส์เลยครับ ซึ่งบางครั้งอาจจะเกิดความผิดเพี้ยนผิดพลาดไปบ้างก็อาศัยประสบการณ์และความคุ้นเคยกับกล้องตัวเองล่ะครับ หลักการทำงานก็จะมีดังนี้ครับ




จะเห็นว่าหลักการทำงานของกล้องจะง่ายๆน๊ะครับพอถ่ายรูปปุ๊บภาพก็จะตกลงที่ฟิล์มทันที ที่สังเกตุน๊ะครับ กล้องประเภทนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีการปรับรูรับแสง ก็คือว่าเค้าจะ Fix ขนาดของรูรับแสงมาให้เลย ซึ่งส่วนมาก เค้าจะตั้งให้รูรับแสงแคบๆไว้ครับ เพื่อผลของภาพจะได้ ชัดลึก แล้วชัดลึกมันดียังไงอ่ะ? แล้วอะไรคือชัดลึกอ่า? แล้วพี่ถือไม้มาทำไมอ่ะ?..ไว้เราค่อยพูดกันเรื่องชัดลึกทีหลังครับ.(อย่าลืมเตือนล่ะ)ผลที่ได้ก็คือภาพจะชัดเจนดี ไม่มีหลุดโฟกัสหรือเบลอเลยครับ...แล้วโฟกัสคือ?...ไว้เราค่อยพูดกันทีหลังครับ.


แต่ข้อเสียก็อย่างที่บอกแล้วน่ะครับก็คือ เนื่องจาก ตัวช่องมองภาพนั้นแยกต่างหากจากตัวเลนส์ ทำให้เราไม่สามารถที่จะมองเห็นภาพจริงๆที่เราจะถ่ายได้นั่นเอง อันนี้รวมถึงถ่ายออกมาแล้วภาพดูเอียงๆด้วยน๊ะเออ.




ตัวอย่างเกิดเพราะช่องมองภาพเอียงนั่นเองครับ

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Introduction


โอ้ว! แม่จ้าว ไม่ทันไรมีผู้ติดตามบทความชั้นแล้ว 1 คน 555 มารับรางวัลหลังไมค์ครับ

เอาล่ะครับ วันนี้ไปที่ คริสตจักรที่1เชียงใหม่มา สอบถามเพื่อนๆน้องๆว่าอยากรู้อะไรบ้าง
ก็ยังมิเห็นผู้ใดตอบมาซักคน งั้นเริ่ม บทความแรกแบบเบสิกๆ เรื่องของการถ่ายภาพกันก่อนดีกว่าเพื่อหลายๆคนจะได้มีพื้นฐาน และสำหรับผมคิดว่า มันจะช่วยให้เราเข้าใจระบบของการบันทึกภาพหรือการถ่ายภาพได้ดีขึ้น ...ระดับหนึ่ง..มั้ง....

เอาน่าๆอย่าเครียดมาก สอนกันง่ายๆเข้าใจง่ายๆน่ะดีแล้วไม่ได้จะเอาไปทำเป็นรายงานส่งที่ไหนนิ.

คำว่า Photography เนี้ย มันมีที่มาที่ไปครับ คือตั้งแต่สมัยปฐมการที่พระเจ้าได้ทรงสร้างโลก..โว๊ยยจะนานไปไหนเนี้ย! เอาจริงๆล่ะ มันมาจากภาษากรีกสองคำคือคำว่า Photo หรือ Photos นี่แหละที่แปลว่าแสงอีกคำคือคำว่า Graphein แปลว่า การวาดภาพ พอประกอบกันก็จะได้คำว่า..การวาดภาพด้วยแสงนั่นเอง

โอ้ว เนียนมาก ดูมีความรู้ๆ แต่ซึ่งจริงๆแล้วการถ่ายภาพเนี้ยะมันไม่ใช่ว่าเราถ่ายภาพจากกล้องในปัจจุบันหรือแบบสมัยที่ใส่ฟิล์มกันเลยน๊ะ

มันเริ่มจากความบังเอิญ! จริงจริ๊ง อ่ะไม่เชื่อ ไอ้เจ้ากล้องถ่ายรูปเนี้ยเมื่อก่อนน่ะศิลปินเค้าจะวาดภาพน่ะเค้าจะใช่สิ่งที่เรียกว่า กล่องรูเข็ม อ่ะๆ เริ่มคุ้นๆ คือ มีกล่องมืดๆกล่องนึงแล้วก็มีรูๆนึงไว้ด้านบนหรือด้านข้าง ถ้าเค้าจะใช้งานก็เอากล่องครอบกับเฟรมที่จะวาดภาพเอากล่องส่องไปทางแบบ
ทันใดนั้นเอง....ภาพที่ต้องการจะวาดก็จะปรากฏบนเฟรมภาพในลักษณะหัวกลับแล้วศิลปินก็จะวาดภาพตามนั้น
อุ๊ย คุ้นๆ เหมือนสมัยเรียนตอน ม.4 ม.5 เลยน๊ะยาย 55


อันนี้ก็คือตัวอย่างกล่องเขียนภาพในสมัยนั้นน๊ะเรียกว่าCamera Obscuraใหญ่ดีเน๊อะ



เค้าก็ใช้กันมาเรื่อยๆแหละ แต่มันก็เกิดเหตุการที่เหนือการคาดหมาย เป็นเหตุบังเอิญที่สุดจะบรรยายนั่นคือ (อันนี้ออกตัวก่อนน๊ะว่าไม่ค่อยชัวร์จริงๆเพราะที่เรียนมากับนั่งหาข้อมูลในNETมันต่างกันดีเหลือเกิน)

คือตอนฤดูร้อน ปี 1827 เจ้า Joseph Nicephore เนี้ยเค้าวาดภาพโดยใช้เจ้ากล่องนี้แหละแต่คงมีขนาดที่เล็กกว่านี้หน่อยนึงอ่ะน๊ะ วาดภาพโดยใช้แผ่นเพลตที่ขัดมันไปรองวาด แต่บังเอิญเค้าทำสารเคมีตัวนึงหกรดเพลตของตัวเอง เค้าคงคิดว่า

"ซวยแหล่วตรู...ทำไงดีฟร๊ะ ของก็ใหม่ขัดมันซะอย่างดี ดันมาเปียกน้ำยาอะไรเข้าเนี้ย...ไม่ได้การ ถ้าอีแก่แม่บ้านเรารู้มีหวัง...ลำพังศิลปินก็ใส้แห้งอยู่แล้ว ถ้าเกิดหัวแบะอีกคงดูไม่งามเท่าไหร่ ทำไงดีๆๆๆ เออ! นึกออกแล้ว เอาไปซ่อนไว้ก่อนช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีงานเงินผ่อนบ้านก็ไม่ค่อยมี..เอ๊ะคุ้นๆ..ตรงไหนดีๆ เออ ตรงพวกถังๆเก็บสารเคมีนี่แหละ อีแก่มันห่วงสวยคงไม่กล้าเข้ามาค้นแน่ๆ"


เค้าเลยเก็บเพลตที่เปียกสารเคมีไว้ตรงนั้น พอเวลาผ่านไป เค้าก็ไปเอาเพลตชิ้นนั้นมาใช้อีก ปรากฏว่าเฮ้ย! ทำไมมันถึงมีภาพเกิดขึ้นได้เนี้ย เอ้า! งงสิงง เค้าจึงละทึกได้ว่า อ้อ เจ้าสารที่มันหกรดเพลตของเรามันก็คือ bitumen หรือพวกน้ำมันดิบ

แล้วเจ้าพวกสารเคมี ที่มันอบรูปจนเกิดภาพก็คือ พวกน้ำมันของลาเวนเดอแล้วก็พวกปิโตเลี่ยมนั่นเองงง (แล้วมันทำปฎิกิริยากันยังไงว๊ะเนี๊ยะ)

เอาเป็นว่ามันเป็นภาพ positive แบบแรกของโลกเลยน้า (สมัยนั้นเค้าทำภาพกันได้แล้วน่ะครับแต่เป็นภาพแบบnegative คือภาพที่สลับขาวกับดำ แบบที่เราเคยเห็นกันในฟิล์มนั่นแหละครับ แต่ไม่ค่อยมีความคงทนนัก)

แบบนี้แหละครับภาพถ่าย positive แบบแรกๆของโลกล่ะ



โอยทั้งเหนื่อยทั้งมันส์ เหมือนเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์เรยอ่า...แต่หลังจากนั้นก็มีคนพัฒนาเทคนิคและวิธีการตลอดจนวัสดุ เคมี อุปกรณ์ขึ้นมาอีกเย๊อะเลยน๊ะครับ จนทำให้เราสามารถถ่ายภาพได้ง่ายดายสะดวกและ สวยงาม..? เช่นทุกวันนี้

เอาเป็นว่าถ้าทุกคนสนใจประวัติศาสตร์การถ่ายภาพก็เข้าไปศึกษาได้น๊ะตามเวปต่างๆ หรือ google ง่ายสุด 55 แต่เอาลิงค์ที่ดีๆมาแปะให้ไปศึกษากันเองแล้วกัน รับรองสนุกครับ.




อันแรกเป็นประวัติย่อๆพอให้รู้อะไรเป็นอะไร อันนี้เลยครับ
http://papui.spaces.live.com/Blog/cns!8727551BA149B862!302.entry

ส่วนอันนี้ไม่รู้ว่าเค้าทำวิทยานิพนธ์หรือเปล่าหรือคุณตาชอบกินฟิล์มไม่รู้ เนื้อหาดีมากเลยครับ
http://inventors.about.com/od/pstartinventions/a/stilphotography.htm




ไว้เจอกันใหม่น๊ะครับ จะเป็นเรื่องอะไร แล้วแต่โหวตเข้ามา ถ้าไม่มีก็ ฟังเรื่องไรสาระแบบนี้ไปเรื่อยๆ 555







วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

i-Myths

... คนไทยเค้าว่าชอบอ่าน ชอบคิด..แต่..ไม่ชอบเขียน ไม่ชอบพูด.. ฟังแบบนี้แล้วรู้สึกว่าอืมม..ใครคิดฟร๊ะ แม่นแสรด..

เพราะจริงๆเราก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน 55 แต่มีคนพูดแบบนี้เราก็อยากจะทำที่แตกต่างกับคนอื่นดูบ้าง....แล้วจะเริ่มยังไงดีล่ะ...แล้วจะเอาเรื่องอะไรดีล่ะ...เอาล่ะสิงานเข้า555

อันที่จริงก็มีเรื่องจะเขียนอยู่ครับ เพราะน้องๆเค้าก็ขอมาให้เขียนอยู่แล้ว บังเอิญวันนี้ไปสัมมนาเกี่ยวกับเรื่องการหาเงินผ่านทางเวป Blog มาด้วย เลยเริ่มบรรเลงกันเลย

ถ้างั้นก็ขอเปิดตัวอย่างเป็นทางการกันน๊ะครับ เกี่ยวกับบล็อก การถ่ายรูป กะว่าจะเอากันตั้งแต่ เบสิคไปจนถึงการตกแต่งรูปในโปรแกรมต่างๆกันไปเลย ก็อยากให้ติดตามอ่านกันน๊ะครับ ซึ่งจริงๆก็ไม่อยากให้เป็นบล็อคที่ดูทางการหรือวิชาการมากเกินไป เอาสอนกันสนุกๆ หรือถ้าใครมีคำถามหรือไม่เข้าใจหรืออาจจะมีเทคนิคใหม่ๆมาบอกกันก็ดูสนุกดีน๊ะครับ..